เปิดโปรไฟล์ทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2022
เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือนก่อนที่ฟุตบอลโลกจะเริ่มต้น ณ เวลานี้ได้ 14 ทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบไปพร้อมกับเจ้าภาพ กาตาร์ (อัพเดท มกราคม 2022) ทีมที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศทั้ง 4 ทีมชาติ จากบอลโลก 2018 ได้ตีตั๋วเข้าร่วมพร้อมหน้า อย่างไรก็ตามยังเหลือพื้นที่อีก 18 ตำแหน่งที่กำลังขับเคี่ยวกันในรอบคัดเลือกโซนต่างๆ ทั้งนี้มาเปิดโปรไฟล์ 14 ทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้วกันก่อนดีกว่า ติดตามได้ดังต่อไปนี้
-
การ์ตา
ทีมไข่มุกแห่งเปอร์เซีย ได้สิทธิ์เข้าร่วมในการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2022 ในฐานะเจ้าภาพ ส่วนความสำเร็จระดับนานาชาตินั้นต้องย้อนไป ฟุตบอลโลกเยาวชนในปี 2524 ที่ทีมเยาวชนเคยได้อันดันรองชนะเลิศ ผลงานในระดับเอเชีย ทีมชาติกาตาร์ได้ร่วมการแข่งขัน เอเชียน คัพ ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา โดยความสำเร็จสูงสุดคือเข้ารอบก่อนรองฯ ในปี 2000 และ 2011 ซึ่งปีนี้จะโอกาสลุ้นฟุตบอลโลกครั้ง ความได้เปรียบมีในเรื่องของการเป็นเจ้าบ้านและความเคยชินสภาพอากาศ มาดูกันว่าเจ้าภาพจะสร้างเซอร์ไพร์สได้หรือไม่ในทัวร์นาเมนต์นี้
-
เยอรมนี
ทีมอินทรีเหล็ก เป็นหนึ่งในทีมมหาอำนาจลูกหนังที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก โดยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 4 สมัย, ฟุตบอลยูโร 3 สมัย, คอนเฟเดอเรชันส์คัพ 1 สมัย และเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก 1 สมัย ผลงานของทีมเยอรมันในการคุ้มทีมของ โยอาคิม เลิฟ มีแนวทางที่ชัดเจน พร้อมสานต่อด้วยอดีตผู้ช่วยของเขา ฮันซี่ ฟลิค ที่ทิศทางของทีมก็กำลังดูดี ทำสถิติชนะ 7 เกมพร้อมผลต่างประตู +29 เกมรุกทำได้ดีที่เป็นจุดแข็ง ส่วนแนวรับขาดความแข็งแกร่งเล็กน้อยต้องเร่งแก้ไขก่อนลุยศึกใหญ่ โดยอินทรีเหล็กมีคิวในตารางแข่งบอลโลกอยู่ในกลุ่ม E กรุีปออฟเดธในปีนี้
-
เดนมาร์ก
ขุนพลแดงขาวหรือทีมโคนมที่แฟนบอลชาวไทยเรียกกันเดนมาร์ก ซึ่งเป็นขาประจำของบอลโลกแทบทุกสมัย ในปีนี้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก หลังชนะรวด 7 นัดรวด โดยที่ไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว ผลงานโดยรวมของลูกทีม แคสเปอร์ ยูลมันด์ มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และตอนนี้ เดนมาร์ก ตั้งเป้าที่จะก้าวไปไกลกว่ารอบรองชนะเลิศ ยูโร 2020 อีกก้าว ทว่าการสูญเสีย คริสเตียน อีริคเซ่น เนื่องจากโรคหัวใจมีผลต่อทีมพอสมควร แต่ก็ได้แข้งอย่าง มิคเกล ดามส์การ์ด และ แอนเทรแอส สคอฟ โอลเซน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นสายเลือดใหม่นั้นเอง
-
บราซิล
ขุนพลแซมบ้า เป็นทีมชาติที่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกมากที่สุด โดยคว้าแชมป์ 5 สมัย ในปี 1958, 1962, 1970, 1994 และ 2002 ทั้งยังมีสถิติแข็งแกร่งใน เวิลด์ คัพ คือการชนะมากที่สุด 73 เกมจากการลงสนาม 109 นัด ทั้งยังเป็นเพียงทีมชาติเดียวที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครบทุกครั้ง ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในบอลโลก 2022 ด้วยการไร้พ่ายในรอบคัดเลือก ทีมชาติชุดนี้มีส่วนผสมที่ลงตัวระว่างแข้งเยาวชนและนักเตะมากประสบการณ์ ดังนั้นเมื่อพูดถึงตัวเต็งแชมป์แทบจะทุกโผยกให้ยืนหนึ่งเลยทันที
-
ฝรั่งเศส
ทัพตราไก่ ทีมชั้นนำทีมจากทวีปยุโรป มีผลงานเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย, แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2 สมัย, แชมป์ ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ 2 สมัย และแชมป์ ยูฟ่า เนชันส์ ลีก 1 สมัย ถึงแม้ว่าจะตกรอบบอลยูโร 2020 แต่ยังคงเชื่อมั่นในตัว ดีดีเย่ร์ เดส์ชอง ที่จะพาทีมมาป้องกันแชมป์ หลังจากทำผลงานเยี่ยมด้วยการชูถ้วยแชมป์ในบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ทีมมีสตาร์เกมรุกที่มากด้วยพรสวรรค์อย่าง อองตวน กรีซมันน์ และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ส่วนเพลเมกเกอร์ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ต้องหนีห่างการบาดเจ็บเร่งฟิตเพื่อสร้างความสมดุลในทีมกับ ปอล ป็อกบา ชัดเจนว่าทีมมีขุมกำลังที่ดีมากพอจะตั้งเป้าไปที่การคว้าแชมป์
-
เบลเยี่ยม
ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป เคยได้รับการจัดอันดับเป็นทีมฟุตบอลอันดับ 1 ของโลก จากการสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015 ซึ่งเป็นทีมที่ไม่เคยได้แชมป์ในรายการใหญ่ๆ ทั้งบอลโลกหรือบอลยูโรมาก่อน ช่วงหลายปีมานี้เบลเยี่ยมได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแกร่งพอจะต่อกรกับชาติมหาอำนาจลูกหนัง ทีมยังคงมีเสาหลักเป็น เอแดน อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์ และ โรเมลู ลูกากู ซึ่งน่าจะถึงช่วงพีคของอาชีพค้าแข้งแล้ว แต่ปัญหาของทีมตอนนี้คือการขาดแข้งพรสวรรค์ที่จะมาเติมเต็มในอนาคต ซึ่งรวมถึงบอลโลก 2022 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ต้องมาดูกันว่าทีมจะมีการจัดการอย่างไรให้ทีมไปได้ไกลกว่าที่เคย
-
โครเอเชีย
ทีมตาหมากรุก สร้างเซอร์ไพร์สแบบสุดๆ ในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรก โดยในรอบรองฯ ก็สามารถชนะทีมชาติอังกฤษ 2-1 ทำให้ฟุตบอลโลกที่กาตาร์ในปีนี้ โครเอเชียคือหนึ่งในทีมแฟนบอลจับตามอง จุดเด่นของทีมคือความหลากหลายของตัวผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็น มาร์เซโล โบรโซวิช กับ อิวาน เปริซิช จาก เซเรีย อา มัตเตโอ โควาซิช จากพรีเมียร์ลีก เดยัน ลอฟเรน จอมเก๋า ลูกา โมดริช จากลีกแดนกระทิง ที่ร่วมเคียงบ่าไหล่กับแข้งจากลีกในประเทศ การที่ไม่มีดาวเด่นทำให้สมดุลที่สวยงาม พร้อมทำผลงานดีอีกครั้งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ช่วงปลายปี
-
สเปน
ทีมกระทิงดุ เข้าร่วมการแข่งขันบอลโลก 12 ครั้ง และเป็นเจ้าภาพในปี 1982 ผลงานที่ดีที่สุดที่เคยทำได้คือ คว้าแชมป์ในปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ ในช่วงขวบปีมานี้สเปนเล่นฟุตบอลได้ที่น่าดึงดูด แต่การขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์จนต้องเสียโอกาสไปในที่สุด ในยูโร 2020 รอบรองฯ แพ้อิตาลี และ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก นัดชิง ก็พ่ายฝรั่งเศส จุดอ่อนของทีมคือการขาดประสบการณ์ อายุเฉลี่ยของทีมลดลงทั้ง อูไน ซิโมน, อีริค การ์เซีย, ดานี่ โอลโม่ และสองพี่น้อง เปา กับ เฟอร์รัน ตอเรส เป็นนักเตะที่ดีแต่ยังขาดประสบการณ์ในรายการใหญ่ ในขณะที่ เปดรี้, กาบี้ และ อันซู ฟาติ คืออนาคตที่สดใสแต่ปี 2022 อาจมาเร็วจึงทำให้ทีมกระทิงหนุ่มต้องเจองานหนักในบอลโลก 2022
-
เซอร์เบีย
ทีมอินทรีขาว ผ่านรอบคัดเลือกและเข้ารอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในชื่อทีมชาติเซอร์เบียในปี 2010 ซึ่งตกรอบแบ่งกลุ่ม และในปี 2018 ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายที่รัสเซีย ก็ตกรอบแบ่งกลุ่มเช่นเดิม ทว่าปีนี้จะมองว่าเป็นทีมไม้ประดับไม่ได้แล้ว จากผลงานในรอบคัดเลือกโซนยุโรป กำชัยเหนือโปรตุเกสและคว้าตำแหน่งผู้นำกลุ่ม A แบบไร้พ่าย ในส่วนของนักเตะก็มีแข้งมากความสามารถอย่าง เนมายา มาติช, ดูซาน ทาดิช, อเล็กซานเดอร์ มิโตรวิช และ ลูก้า โยวิช ที่พร้อมเดินหน้าท้าชนทำผลงานให้ได้ไกลกว่าการตกแบ่งกลุ่มแบบที่ผ่านมา
-
อังกฤษ
ทัพสิงโตคำรามทีมขวัญใจแฟนบอล ผลงานดีที่สุดคือ การชนะเลิศฟุตบอลโลก 1966 ซึ่งก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ในบอลโลก 2018 ไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ และก็ทำได้ดีต่อเนื่องด้วยการเข้าชิงแชมป์ยุโรป 2020 แม้ไม่ไปถึงคำว่าแชมป์ในสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่ล่าสุด ด้วยขุมกำลังสายเลือดใหม่ที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่ศักยภาพที่แสดงออกมาทำให้หลายๆ ก็วิเคราะห์บอลโลก 2022 ว่านี่อาจจะเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ของทีมจากเมืองผู้ดี สิ่งสำคัญที่สุดที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องการคือเพิ่มความสามารถการเกมรุกโจมตีให้สูงสุด เพื่อไปสู่จุดสูงสุดซึ่งแฟนบอลต่างรอคอยมาเนิ่นนาน
-
ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์
ทีมนาฬิกาฉายาที่แฟนบอลชาวไทยเรียกกัน ผลงานที่ดีที่สุดในบอลโลกของทีมคือ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ได้ 3 ครั้งในบอลโลก 1934, 1938 และ 1954 ในฟุตบอลโลก 2006 สถิติตกรอบทั้ง ๆ ที่ไม่เสียประตูเลย จนมาเสียประตูในฟุตบอลโลก 2010 นัดที่พบกับชิลี ทำให้กลายเป็นทีมชาติที่ไม่เสียประตูติดต่อกันนานที่สุดในบอลโลกนั้นเอง ทีมจะไปที่กาตาร์ภายใต้การนำทีมของกุนซือ มูรัต ยาคิน อดีตกองหลังทีมชาติ เมื่อมาขุมกำลังของทีมก็ถือว่าไม่ธรรมดา เซอร์ดาน ชากิรี, อัดเมียร์ เมห์เมดี, ฮาริส เซเฟโรวิช, บรีล เอ็มโบโล คือแข้งประสบการณ์สูงและคงเป็นกำลังให้แก่ทีมในศึกลูกหนังใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้
-
เนเธอร์แลนด์
ทีมอัศวินสีส้ม หนึ่งในทีมชั้นนำของโลก ไม่เคยคว้าแชมป์ เวิลด์ คัพ ได้แต่เคยได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ 3 สมัย และคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 1 สมัย ในฟุตบอลโลก 2018 เนเธอร์แลนด์ฟอร์มดร็อปไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ส่วนในยูโร 2020 ก็จอดที่รอบ 16 ทีม สำหรับบอลโลก 2022 ทีมมาด้วยความมุ่งมั่นจะทำผลงานให้ดี ขุมกำลังของทีมทีทั้งผู้เล่นดาวรุ่ง นักเตะจากในประเทส และดาวเด่น เมื่อดูชื่อตัวหลักก็ถือว่าเป็นแนวหน้าทั้ง เวอร์จิล ฟาน ไดร์จ, มัตไตส์ เดอ ลิคต์, แฟรงกี้ เดอ ยอง, เมมฟิว เดปาย และ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กำลังอยู่ในช่วงวัยที่ดีต่อเกมหนัง นี้อาจจะเป็นโอกาสของแข้งอัศวินสีส้มจะระเบิดฟอร์มเก่งออกมาให้แฟนบอลได้เฮ
-
อาร์เจนตินา
ขุนพลฟ้าขาว เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จลำดับต้นๆ ของโลก ชนะเลิศบอลโลก 2 สมัย และยังเป็นคว้าแชมป์ทวีปในรายการ โคปา อเมริกา 14 สมัย ซึ่งครั้งล่าสุดคือปี 2021 ที่ผ่านนี้เอง ฟุตบอลโลก 2022 มีความหมายมากๆ สำหรับ ลิโอเนล เมสซี่ ยอดนักเตะที่นี้คงเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขา ซึ่งเป้าหมายสู้สุดคือแชมป์ ทีมอาร์เจนตินาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ความหวัง และศักยภาพ จากเกมนัดชิง โคปา อเมริกา ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าทีมมีการประสานงานที่ดี และหวังว่าจะสานต่อความสำเร็จได้ต่อเนื่องจนถึงบอลโลก 2022
-
อิหร่าน
ทัพนักรบเปอร์เซียเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จในระดับต้นๆ ของทวีปเอเชีย โดยคว้าแชมป์ เอเชียน คัพ 3 สมัย ส่วนในระดับโลกได้เข้าร่วมการแข่งขัน ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 6 ครั้ง และเป็นชาติแรกที่คว้าตั๋วสู้กาตาร์ นี้คือการได้เข้ารอบสุดท้ายบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยในฟุตบอลโลก 2014 และ 2018 ก็จอดที่รอบแบ่งกลุ่ม ต้องมารอชมกันว่าครั้งนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน คาดว่าทีมคงนำทัพโดย ซาดาร์ อัซมุน กับ เมห์ดี้ ทาเลมี ดาวยิงที่โลดแล่นในลีกยุโรปนั้นเอง