วันนี้เราจะพูดถึงกลุ่ม E กันบ้าง โดยกลุ่มนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มแห่งความตายอีกกลุ่มหนึ่ง ประกอบไปด้วยสเปน เยอรมันนี คอสตาริกา และญี่ปุ่น
โปรแกรมการแข่งขันของกลุ่ม E มีดังนี้
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565 เวลา 20.00 น. | กลุ่ม E | เยอรมนี – ญี่ปุ่น
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565 เวลา 23.00 น. | กลุ่ม E | สเปน – คอสตาริกา
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2565 เวลา 17.00 น. | กลุ่ม E | ญี่ปุ่น – คอสตาริกา
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2565 เวลา 02.00 น. | กลุ่ม E | สเปน – เยอรมันนี
วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2565 เวลา 02.00 น. | กลุ่ม E | ญี่ปุ่น – สเปน
วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2565 เวลา 02.00 น. | กลุ่ม E | คอสตาริกา – เยอรมนี
หลังจากทราบโปรแกรมการแข่งขันแบบละเอียดกันไปแล้ว คราวนี้ลองไปดูการวิเคราะห์และข้อมูลของแต่ละทีมใน Group of Death นี้กันบ้าง
ทีมชาติเยอรมันนี
ทีมชาติเยอรมนีเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งนี้พร้อมความหวังที่จะแก้ตัวได้จากฟอร์มที่ไม่ดีจากทัวร์นาเมนต์สองครังล่าสุด เมื่อพวกเขาเดินทางไปฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ในฤดูหนาวนี้ โดยทีม Die Mannschaft ชนะการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2014 และล้มเหลวในการออกจากกลุ่มในฟุตบอลโลกปี 2018 และยูโร 2020
ในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา เยอรมนีต้องเริ่มสร้างทีมใหม่ภายใต้การนำของ ฮันซี่ ฟลิค แต่ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี และพวกเขาชนะแปดเกมนับตั้งแต่อดีตกุนซือบาเยิร์น มิวนิค เข้ามาคุมทีม โดยทำได้ 33 ประตู และเสียเพียง 2 ประตู บางคนจะดูโปรแกรมการแข่งขันของพวกเขาในระหว่างการแข่งขันนั้นและเห็นว่าอาร์เมเนีย ลิกเตนสไตน์ และไอซ์แลนด์มีรายชื่ออยู่ในกลุ่มชัยชนะ แต่เยอรมนีก็ไร้ความปรานีอย่างน่าประทับใจและจะนำโมเมนตัมมาสู่ปี
อันดับโลกฟีฟ่าปัจจุบัน: อันดับที่ 12
อันดับภูมิภาค: อันดับที่ 9
แชมป์ฟุตบอลโลก: 4 ครั้ง
ผลงานในรอบคัดเลือก : เข้ารอบมาด้วยการเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม J ชนะ 9 แพ้ 1
โค้ช: ฮานซี ฟลิก ตั้งแต่กรกฎาคม 2021
นักเตะดาวเด่น : Joshua Kimmich (บาเยิร์น มิวนิค / เยอรมนี), Kai Havertz (เชลซี / อังกฤษ), Serge Gnabry (บาเยิร์นมิวนิค / เยอรมนี)
ทีมชาติสเปน
สเปนเริ่มต้นรอบคัดเลือกได้อย่างไม่น่าประทับใจ เนื่องจากพวกเขาสูญเสียการควบคุมกลุ่มในการแข่งขันนัดแรกเมื่อพวกเขาแพ้สวีเดน อย่างไรก็ตาม ทีมชาติสวีเดนล้มเหลวในการใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบของพวกเขาในสองนัดต่อมา ส่งผลให้สเปนผลาดขึ้นเป็นแชมป์กลุ่มตโนมัติ
ทีมเอาชนะหกและเสมอ 1 ในการลงเล่นทั้งหมด 7 เข้าเป็นจ่าฝูงที่มีคะแนนมากกว่าสวีเดนถึง 4 แต้ม โดยครั้งนี้จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งที่ 12 ติดต่อกันที่สเปนจะเข้าร่วม สเปนชุดนี้จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างนักเตะรุ่นใหม่และรุ่นเก่า คาดว่าพวกเขาน่าจะทำผลงานได้ดีค่อนข้างแน่นอน
เดิมพันทีมชาติสเปนได้ที่เว็บพนันกีฬาที่ดีที่สุดในอตอนนี้ M88
อันดับโลกฟีฟ่าปัจจุบัน: อันดับ 7
อันดับภูมิภาค: อันดับที่ 5
แชมป์ฟุตบอลโลก: 1 ในปี 2010
ผลงานในรอบคัดเลือก : เป็นจ่าฝูงกลุ่ม B ชนะ 6 แพ้ 1 เสมอ 1
โค้ช: หลุยส์ เอนริเก้ ตั้งแต่ปี 2019
นักเตะดาวเด่น : จอร์ดี้ อัลบา (บาร์เซโลน่า / สเปน), โรดรี (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / อังกฤษ), อายเมริค ลาปอร์ต (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / อังกฤษ)
ทีมชาติญี่ปุ่น
สำหรับทีมชาติญี่ปุ่นที่กลายเป็นเจ้าประจำสำหรับฟุตบอลโลกมาหลายยุคสมัย ทีมซามูไรโชว์ผลงานได้ดีในรอบคัดเลือก ด้วยการผสมผสานของนักเตะจากเจลีกและนักเตะหลายคนที่เล่นให้ลีกยุโรปในตอนนี้ ดูจะเป็นโชคไม่ดีนักเมื่อทีมต้องจับฉลากมาเจอกับทีมแข็งแกร่งอย่างสเปนและเยอรมันนี งานนี้ถึงแม้ว่าจะเต็มที่ขนาดไหนก็น่าจะทำได้ดีที่สุดแค่เพียงอันดับ 3 ของกลุ่มเท่านั้น
อันดับโลกฟีฟ่าปัจจุบัน: อันดับที่ 23
อันดับภูมิภาค: อันดับ 2
แชมป์ฟุตบอลโลก: ไม่เคยได้
ผลงานในรอบคัดเลือก : ผู้ชนะ AFC รอบที่สาม กลุ่ม B ชนะ 7 แพ้ 2 เสมอ 1
โค้ช: ฮาจิเม โมริยาซู ตั้งแต่ปี 2018
นักเตะดาวเด่น : ทาคูมิ มินามิโนะ (ลิเวอร์พูล / อังกฤษ), ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ (อาร์เซนอล / อังกฤษ), มายะ โยชิดะ (ซามพ์โดเรีย / อิตาลี)
ทีมชาติคอสตาริกา
สำหรับทีมชาติคอสตาริกา เอาชนะผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้ด้วยการเอาชนะนิวซีแลนด์ในรอบเพลย์ออฟไป 1-0 คาดว่าในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทีมน่าจะไม่สามารถเก็บคะแนนได้เมื่อเทียบกับคู่แข่งร่วมกลุ่ม
อันดับโลกฟีฟ่าปัจจุบัน: อันดับที่ 31
อันดับภูมิภาค: อันดับ 3
แชมป์ฟุตบอลโลก:ไม่เคยได้
ผลงานในรอบคัดเลือก : ชนะได้จากรอบเพลย์ออฟ ชนะ 5 เสมอ 1
โค้ช: ลูอิซ เฟอร์นานโด ซวาเรซ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021
นักเตะดาวเด่น : เคย์เลอร์ นาบาส (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง / ฝรั่งเศส), ไบรอัน รุยซ์ (อลาฆูเลนเซ่ / คอสตาริกา), โจเอล แคมป์เบลล์ (มอนเตร์เรย์ / เม็กซิโก)