วันนี้เราจะพูดถึงกลุ่ม D กันบ้าง โดยผลของการจับฉลากกลุ่ม D ได้แก่ แชมป์เก่าฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เดนมาร์ก และตูนิเซีย
โปรแกรมการแข่งขันของกลุ่ม D มีดังนี้
- วันที่ 22 พฤศจิกายน เดนมาร์ก พบกับ ตูนีเซีย เวลา 08.00 น. ที่สนาม เอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดี้ยม
- วันที่ 22 พฤศจิกายน ฝรั่งเศส พบ ออสเตรเลีย เวลา 14.00 น.ที่สนามกีฬาอัลจานูบ
- วันที่ 26 พฤศจิกายน ตูนิเซีย พบ ออสเตรเลีย เวลา 05.00 น. ที่สนามกีฬาอัลจานูบ
- วันที่ 26 พฤศจิกายน ฝรั่งเศส พบ เดนมาร์ก เวลา 11.00 น. ที่สนาใสเตเดียม 974
- วันที่ 30 พฤศจิกายน ตูนิเซีย พบ ฝรั่งเศส เวลา 10.00 น. ที่สนาม เอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดี้ยม
- วันที่ 30 พฤศจิกายนออสเตรเลีย พบ เดนมาร์ก เวลา 10.00 น. ที่สนามกีฬาอัลจานูบ
หลังจากทราบโปรแกรมการแข่งขันแบบละเอียดกันไปแล้ว คราวนี้ลองไปดูการวิเคราะห์และข้อมูลของแต่ละทีมกันบ้าง
ทีมชาติฝรั่งเศส
แชมป์เก่าฟุตบอลโลกในปี 2018 ที่ต้องการที่จะรักษาแชมป์ไว้ให้ได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องพยายามผลงานในฟุตบอลโลกครั้งนี้ให้ได้ดีกว่าในยูโร 2021 ที่ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายและแพ้ให้กับสวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศสจะฝากความหวังไว้กับเอ็มเบปเป้ในการพาทีมเข้ารอบลึกและคว้าแชมป์ และหากเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างมั่นใจรับรองว่าจะสร้างความแตกต่างให้กับทีมเป็นอย่างมากอย่างแน่นอน นอกจากเอมเบบเป้แล้ว ดิดิเย เดชองส์ ยังมีนักเตะเก่งๆอีกหลายคน
ทีมชาติฝรั่งเศสเอาชนะสเปนในการแข่งขันยูฟ่า เนชันลีก 2021 อย่างสวยงาม ทำให้ฝรั่งเศสน่าจะเป็นอีกทีมที่มีสิทธิเข้ารอบลึกๆในการฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์นี้ เดิมพันทีมชาติฝรั่งเศสได้ที่เว็บพนันกีฬาที่ดีที่สุดในอตอนนี้ M88
อันดับโลกฟีฟ่าปัจจุบัน: อันดับ 3 (มีนาคม 2565)
อันดับภูมิภาค: อันดับ 2 (UEFA)
แชมป์ฟุตบอลโลก: 2 ลงเล่นฟุตบอลโลก (ล่าสุด): 15 นัด (รัสเซีย 2018)
ผลงานในรอบคัดเลือก : อันดับหนึ่งของกลุ่ม ดี โดยเอาชนะไปได้ 5 ครั้ง เสมอ 3 ครั้งและไม่แพ้ใครเลย
โค้ช: ดีดีเยร์ เดชองส์ (ฝรั่งเศส) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2012
นักเตะดาวเด่น : คีเลียน เอ็มบัปเป้ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง / ฝรั่งเศส), ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / อังกฤษ), คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด / สเปน)
ทีมชาติออสเตรเลีย
ทีมชาติออสเตรเลีย หรือทีมที่มีฉายา Socceroos ชนะการแข่งขันรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีปของฟีฟ่าเพื่อชิงตำแหน่งสุดท้ายในกลุ่ม D โดยเอาชนะเปรูในการดวลจุดโทษเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน และก่อนหน้านั้นออสเตรเลียเอาชนะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2-1 ในเกมสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มโซนเอเชีย
ก่อนที่จะไปตัดสินในเกมกับเปรูในรอบเพลย์ออฟเพื่อหาทีมไปเล่นฟุตบอลโลก ออสเตรเลียเริ่มเกมในรอบคัดเลือกอย่างมีความหวัง (ชนะ 11 นัดติดต่อกัน) แต่จบลงด้วยความพ่ายแพ้ต่อญี่ปุ่นและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งทำให้พวกเขาหมดหวังในการผ่านเข้ารอบโดยอัตโนมัติและทำให้พวกเขาต้องมาลุ้นกับเปรู
ออสเตรเลียผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกติดต่อกันมาแล้วทั้งหมด 5 ครั้ง
อันดับโลกฟีฟ่าปัจจุบัน: อันดับ 42 (มีนาคม 2022)
อันดับภูมิภาค: อันดับ 4
ลงเล่นฟุตบอลโลก (ล่าสุด): 5 นัด
สถิติโดยรวม (การแข่งขันทั้งหมด & กระชับมิตร):
ในปี2022: ชนะ 3, แพ้ 2 และเสมอ 2 (ประตู: 14 ประตู / 8 เสีย)
ในปี 2021: ชนะ 7 แพ้ 1 เสมอ 2 (ประตู: 21 ประตู / 5 เสีย )
โค้ช: เกรแฮม อาร์โนลด์ (ออสเตรเลีย) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2018
นักเตะดาวเด่น: แมต ไรอัน (เรอัล โซเซียดัด / สเปน), ทอม โรจิช (เซลติก / สกอตแลนด์), เทรนต์ เซนส์บิวรี (คอร์ทริก / เบลเยียม)
ทีมชาติเดนมาร์ก
ทีมชาติเดนมาร์ก เป็นจุดสนใจของเรื่องราวที่สะเทือนอารมณ์มากที่สุดครั้งหนึ่งในฟุตบอลโลก เนื่องจากพวกเขาตั้งเป้าที่จะสร้างผลงานที่น่าประทับใจในยูโร 2020 ทัวร์นาเมนต์นั้นเริ่มต้นขึ้นในสถานการณ์ที่น่าตกใจ เมื่อนักเตะตัวความหวังของทีม คริสเตียน อีริคเซ่น ประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นระหว่างเปิดบ้านพ่ายฟินแลนด์ในโคเปนเฮเกน ฮีริคเซนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมที่เหลือก็แสดงผลงานได้อย่างดีและเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศในยูโรได้
เดนมาร์กตกรอบด้วยการพลาดท่าให้กับอังกฤษในช่วงต่อเวลาพิเศษ อย่างไรก็ตามมีเรื่องไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นเมื่อ อีริคสัน กลับมาลงเเล่นให้กับสโมสรเบรนท์ฟอร์ด ในพรีเมียร์ลีกเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยได้รับการติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบคาร์ดิโอเวอร์เตอร์ (ICD) จากนั้นเขาก็ได้รับการเรียกตัวกลับทีมชาติ และทำประตูได้ทั้งในเกมกระชับมิตรกับเนเธอร์แลนด์ และชัยชนะ 3-0 ต่อเซอร์เบียในเดือนมีนาคม
อันดับโลกฟีฟ่าปัจจุบัน: อันดับ 11 (มีนาคม 2022)
อันดับภูมิภาค: อันดับที่ 8 (ยูฟ่า)
ลงเล่นฟุตบอลโลก (ล่าสุด): 6 นัด (รัสเซีย 2018)
ผลงานในรอบคัดเลือก : เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่ม F มีสถิติชนะ 9 แพ้ 1
สถิติโดยรวม (การแข่งขันทั้งหมด & กระชับมิตร):
ในปี 2022: ชนะ 3 แพ้ 1 (ประตู: ยิงได้ 9 ประตู / เสีย 6 ประตู)
ในปี 2021: ชนะ 13 เสมอ 4 และ แพ้ 1 (ยิงได้ประตู: 45 ประตู / เสีย 11 ประตู)
ผู้จัดการ: แคสเปอร์ ยูลมันด์ (เดนมาร์ก) ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020
โค้ช: อีริคสัน (เบรนท์ฟอร์ด / อังกฤษ), มาคเลย์ (อตาลันต้า / อิตาลี), แดมส์การ์ด (ซามโดเรีย / อิตาลี)
ทีมชาติตูนีเซีย
ทีมชาติตูนิเซียได้โอกาสในการลงเล่นฟุตบอลโลกด้วยชัยชนะในรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายกับมาลี ทำให้กลายเป็นเกมที่หกในรอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ โดยนักเตะในทีมส่วนใหญ่เล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ในยุโรป โดยมีวาห์บี คาซรี กองหน้าแซงต์ เอเตียน เป็นกัปตันตัวเก่งของทีม ขณะที่ฮันนิบาล เมจบรี นักเตะหนุ่มจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในชื่อที่น่าจับตามองในฟุตบอลโลกครั้งนี้
The Eagles of Carthage กำลังเริ่มต้นยุคใหม่สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 โดยมีโค้ช Jalel Kadri เป็นหัวหน้าโค้ช
อันดับฟีฟ่าโลกปัจจุบัน: อันดับ 35 (มีนาคม 2022)
อันดับภูมิภาค: 5th (CAF)
ลงเล่นฟุตบอลโลก (ล่าสุด): 5 นัด (รัสเซีย 2018)
ผลงานในรอบคัดเลือก: ผู้ชนะ CAF รอบที่สาม (agg 1-0 กับมาลี)
สถิติโดยรวม (การแข่งขันทั้งหมด & กระชับมิตร)
ในปี 2022: ชนะ 4 แพ้3 และเสมอ 2 (ประตู: 10 ประตู / 3 เสีย)
2021: ชนะ 12 แพ้4 และเสมอ 1 (ประตู: 29 ประตู / 12 เสีย)
โค้ช: Jalel Kadri (ตูนิเซีย) ตั้งแต่มกราคม 2022
นักเตะดาวเด่น: Wahbi Khazri (Saint-Etienne / France), Hannibal Mejbri (Manchester United / England), Ali Maaloul (Al Ahly / Egypt)
ทายผลการแข่งขันในกลุ่ม D
สำหรับการทายผลการแข่งขันในกลุ่ม D นี้ น่าจะเป็นการต่อสู้กันสำหรับสองทีมจากยุโรป และหากจะดูกันที่ผลงานระดับนานาชาติล่าสุด ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2021 จะเห็นได้ว่าเดนมาร์กทำผลงานได้ดีจนเข้าถึงรอบรองชนะเลิศโดยทีมของ แคสเปอร์ ยูลมันด์ ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกอีกด้วย
สำหรับทีมชาติฝรั่งเศสที่พยายามจะลบล้างอาถรรพ์ในเรื่องของการรักษาแชมป์สองสมัยติดกันให้ได้ เพราะไม่มีทีมใดที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกติดกันสองสมัยตั้งแต่ทีมชาติบราซิลในปี 2501 และ 2505 อย่างไรก็ตามฝรั่งเศสยังโชว์ฟอร์มได้ไม่สมบูรณ์แบบนักตั้งแต่การแข่งขันยูโร 2018 และหวังพึ่งเอมเบบเป้มากเกินไป ดังนั้นเราขอฟันธงว่าเดนมาร์กน่าจะเข้ารอบเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม ตามมาด้วยทีมแชมป์เก่าฝรั่งเศส